·       ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบผันผวน โดยราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 0.42 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 48.50  เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสฯ (WTI) เพิ่มขึ้น 0.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 45.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ลดลง 0.23 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 44.28  เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 1.32 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 65.52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.19 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 59.11  เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก

·       เกิดอุบัติเหตุในสหรัฐฯ อาทิ เพลิงไหม้ที่โรงกลั่นน้ำมันของบริษัท Husky Energy ขนาด 155,000 บาร์เรลต่อวัน ในเมือง Lima รัฐ Ohioและบริษัท Colonial Pipeline ประกาศหยุดดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันในสหรัฐฯ บางส่วน (850,000 บาร์เรลต่อวัน) เนื่องจากเกิดการรั่วไหล ทั้งนี้ระบบท่อขนส่งดังกล่าว ใช้ลำเลียงน้ำมันสำเร็จรูปจาก North Carolina ไปยัง New Jersey

·       Energy Information Administration (EIA) ของสหรัฐฯ รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ย. 58 ปรับลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่  454 ล้านบาร์เรล 

·       Baker Hughes Inc.รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ย.58 ลดลง  4 แท่น จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 640 แท่น ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.ค. 58

·       Commodity Futures Trading Commission (CFTC) รายงานสถานการณ์ลงทุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า NYMEXที่นิวยอร์กและ ICE ที่ลอนดอน สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ก.ย. 58 กลุ่มผู้จัดการกองทุนปรับเพิ่มสถานะซื้อสุทธิ (Net Long Position) เพิ่มขึ้น 232 สัญญา จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 258,591 สัญญา

·       Joint Organization Data Initiative (JODI) ระบบรวบรวมสถิติด้านน้ำมันของ OPEC รายงานซาอุดีอาระเบียส่งออกน้ำมันดิบในเดือน ก.ค. 58 ลดลง 0.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ 7.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดิบในประเทศช่วงฤดูร้อนเพิ่มขึ้น รวมทั้งใช้ในการกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปเพื่อส่งออก

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ

·       Caixin/Markit รายงานผลสำรวจขั้นต้น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมของจีน (PMI) ในเดือน ก.ย. 58 ลดลง 0.3 จุด อยู่ที่ 47 จุด ต่ำสุดตั้งแต่ มี.ค. 52

·       Markit รายงาน PMI ภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน ในเดือน ก.ย. 58 ลดลงมาอยู่ที่ 53.9 จุด ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จาก 54.3 จุดในเดือน ส.ค. 58 โดย PMI ภาคการผลิตลดลงมาอยู่ที่ 52.0 จุด ต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่ PMI ภาคบริการปรับตัวลงมาอยู่ที่ 54.0จุด ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน

·       บริษัท Nexen ผู้ดำเนินการแหล่ง  Buzzard (ผลิตน้ำมันดิบช่วงต้นเดือน ก.ย. 58 อยู่ที่ 168,000 บาร์เรลต่อวัน) ในทะเลเหนือประกาศเลื่อนกำหนดปิดซ่อมบำรุง จากเดือน ต.ค. 58 ไปเป็น พ.ย. 58 ทั้งนี้น้ำมันจากแหล่ง Buzzard เป็นส่วนประกอบสำคัญของน้ำมันดิบForties ที่ใช้เป็นหนึ่งในน้ำมันดิบอ้างอิงของทะเลเหนือ BFOE (Brent, Forties, Oseberg และ Ekofish)

·       เขตปกครองพิเศษ Kurdistan ทางตอนเหนือของอิรัก รายงานท่อขนส่งซึ่งลำเลียงน้ำมันดิบ Kirkuk ไปยังท่าส่งออก Ceyhan ในตุรกี กลับมาดำเนินการตามปกติ หลังเกิดเหตุโจรกรรมน้ำมัน ทั้งนี้ปริมาณส่งออกน้ำมันดิบจากตอนเหนือของอิรัก เดือน ก.ย. 58 เพิ่มขึ้น 309,000บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 700,000 บาร์เรลต่อวัน

แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ

        ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ปรับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาส 2/58 เติบโตที่ 3.9 % และผู้ผลิตในสหรัฐฯ ลดจำนวนแท่นผลิตน้ำมันดิบลง ซึ่ง Goldman Sachs คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 9.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จะลดลง 255,000 บาร์เรลต่อวัน ในช่วงครึ่งหลังของปี อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงน้ำมันของอิหร่านประกาศเป้าหมายทวงคืนส่วนแบ่งตลาดส่งออกน้ำมันในกลุ่ม OPEC ซึ่งอยู่ที่ 14% โดยแสดงความพร้อมส่งออกน้ำมันเบื้องต้นเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรลต่อวัน และเพิ่มเป็น 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายใน 6 เดือน หลังมาตรการคว่ำบาตรยกเลิก ประกอบกับปริมาณส่งออกน้ำมันดิบจากแหล่งทางตอนเหนือของอิรักมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 900,000 บาร์เรลต่อวัน ในสิ้นปีนี้  ด้านทิศทางราคาน้ำมันล่าสุด S&P ปรับลดประมาณการณ์ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI ปี 2558 ลง 5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และ 45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ และในปี 2559 อยู่ที่ 55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ ให้ติดตามผลการทบทวนวงเงินสินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์สหรัฐฯ ให้แก่บริษัทผู้สำรวจและผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ  อาจถูกปรับลดวงเงินในสัปดาห์นี้ (ธนาคารทบทวนวงเงินสินเชื่อปีละ 2 ครั้ง) ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค ในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดิบBrent จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 46.85-48.31 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล, WTI อยู่ในกรอบ 44.05-45.51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และDubai อยู่ในกรอบ 43.79-45.25 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

สถานการณ์ราคาน้ำมันเบนซิน

        สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้น จากข่าวอุบัติเหตุในสหรัฐฯ ประกอบกับโรงกลั่นน้ำมันปิดซ่อมบำรุง อาทิ โรงกลั่นSingapore Refining Co. (SRC) ในสิงคโปร์ ขนาด 290,000 บาร์เรลต่อวัน มีแผนปิดซ่อมบำรุง Crude Distillation Unit (CDU ขนาด 60,000 บาร์เรลต่อวัน) 1 ใน 3 หน่วย และหน่วย Residue Fluid Catalytic Cracker (RFCC ขนาด 46,000 บาร์เรลต่อวัน) ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. 58 เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ประกอบกับ International Enterprise Singapore (IES) รายงานปริมาณสำรอง Light Distillates เชิงพาณิชย์ในสิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุด 22 ก.ย. 58 ลดลง 0.3 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 11.4 ล้านบาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์ สัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันเบนซินจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ  60.27-68.88  เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซล

        สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้น จากโรงกลั่นซ่อมบำรุง และปิดดำเนินการฉุกเฉิน อาทิ Petroliam Nasional Bhd. (Petronas) ของมาเลเซียเลื่อนกำหนดส่งมอบ Diesel ปริมาณ 300,000 บาร์เรล จาก 11-13 ต.ค.เป็น 13-15 ต.ค. 58 เนื่องจากหยุดซ่อมแซมที่หน่วยผลิตในโรงกลั่น Melaka (270,000 บาร์เรลต่อวัน) ซึ่งมีปัญหาทางเทคนิคที่ Compressor อย่างไรก็ตาม IES รายงานปริมาณสำรอง Middle Distillates เชิงพาณิชย์ในสิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุด 22 ก.ย. 58 เพิ่มขึ้น 0.6 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 14.6 MMB สูงสุดในรอบกว่า 4 ปี สัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดีเซลจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ  57.14-63.49  เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

********************************************